ดูแลรักษาโซ่เป็นประจำ ทำให้รถใช้งานได้ยาวนานขึ้น
รถจักรยานยนต์ที่ใช้ระบบการขับเคลื่อนด้วยโซ่นั้น เมื่อสังเกตดูแล้วจะเห็นได้ว่าระบบขับเคลื่อนที่ใช้โซ่จะได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นการรองรับพละกำลังของเครื่องยนต์ที่มีแรงม้ามากมายหมาศาลที่มีความคล่องตัวที่สูงได้อย่างสบาย
แต่ในเมื่อระบบการขับเคลื่อนด้วยโซ่นั้นมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียด้วยนั้นก็คือ การที่โลหะชิ้นเล็ก ๆ จำนวน หลายร้อยชิ้นนั้นถูกนำมาเรียงร้อยคล้องเที่ยวกันไปเรื่อย ๆ จนครบวงรอบทำให้ในส่วนที่เป็นจุดข้อต่อย่อยนั้นจะมีการเสียดสีอยู่ตลอดเวลาและด้วยที่เป็นติดตั้งแบบเปิดจึงทำให้เศษฝุ่นละอองขี้ผง รวมไปถึงน้ำกระเซ็นเข้าไปตามจุดข้อต่อต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายจึงทำให้ระบบที่ขับเคลื่อนด้วยโซ่นั้นจะด้องมีการบำรุงรักษาเติมสาร หล่อลื่นอย่างสม่ำเสมอและอย่างน้อยควรหมั่นตรวจเช็คเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยแต่ละคนก็จะมีเทคนิคที่แตกต่างกันออกไป สำหรับสารหล่อลื่นที่ทำการเคลือบโซ่มาให้แล้วเบื้องต้นจากโรงงานผู้ผลิตนั้นจะเป็นการใช้จาระบีเหลวที่มีความเหนียวเข้มข้นสูงทำการหล่อลื่นมาให้ เมื่อมีการขับขี่และในการใช้งานไปสักระยะหนึ่งแล้วผู้ขับขี่ต้องการที่จะทำการเติมน้ำมันหล่อลื่นเพื่อให้ประสิทธิภาพไม่ลดลงด้วยการใช้จาระบีนำมาปาดไปที่บริเวณข้อต่อโซ่แบบโดยตรงๆ จะทำให้เนื้อของจารบีนั้นเข้าถึงไปยังส่วนเล็กซอกน้อยได้ยาก เนื่องจากคุณสมบัติของตัวเนื้อจารบีที่มีความข้นสูงทำให้การไหลซึมลงไปยังซอกเล็ก ๆ ของข้อต่อโซ่นั้นเป็นไปได้น้อย ส่วนใหญ่จะนิยมที่ใช้มากที่สุดก็คือน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันหล่อลื่นที่มีค่าความหนืดน้อยกว่านำมาชะโลมตามข้อต่อของโซ่ซึ่งมันจะสามารถแทรกซึมลงไปได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันหล่อลื่นที่มีค่าความหนืดน้อยจึงทำให้ใช้งานนั้นเพียงไม่กี่วันสารหล่อลื่นน้ำมันเครื่องก็จะจางลงไปอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งในกรณีขับขี่ไปในทางที่มีน้ำท่วมขังสารหล่อลื่นอย่างน้ำมันเครื่องจะถูกน้ำพัดออกไปหมดทำให้โซ่ขาดสารหล่อลื่นตามข้อต่อโซ่จนเกิดอาการที่เรียกว่า “โซ่ข้อตาย”
ในส่วนของสารหล่อลื่นอื่นๆ ที่นิยมนำมาใช้ในการหล่อลื่นโซ่ ซึ่งได้แก่ น้ำมันเฟืองท้ายซึ่งมีค่าความหนืดที่สูงกว่าน้ำมันเครื่อง จาระบีเหลวซึ่งสามารถแทรกซึมเข้าไปยังตามซอกเล็ก ๆ ของข้อต่อโซ่ได้ เพื่อช่วยให้โซ่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพของยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้นได้อีกด้วย