เมอร์ซิเดส เบนซ์ W110
เมอร์ซิเดส-เบนซ์ W110 รุ่นแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1961–1965 โดยใช้เครื่องยนต์ 190c และ 190Dc และเพียงไม่นานทางเมอร์ซิเดส-เบนซ์ ได้ทำการผลิตรุ่นที่สองตามออกมาในปี ค.ศ 1965–1968 รุ่นสองนี้ได้ใช้เครื่องยนต์ตัวใหม่อย่าง 200, 200D และ 230 เข้ามาแทนที่ตามลำดับ ผลิตที่โรงงาน Sindelfingen ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้ง 2 รุ่นนี้ถูกสร้างมาแล้วรวม 628,282 คัน
รถ E-Class ระดับกลาง ถูกออกแบบมาให้เป็นรถ 4 ประตู 4 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์สี่สูบวางหน้าและขับด้วยล้อหลัง ซึ่งทำออกมามีราคาไม่แพงมาก โดยในรุ่นแรกอย่าง 190c (มีเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร M121 เบนซิน) และ 190 Dc (เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร OM621 ดีเซล) เป็นแบบคาร์บูเรเตอร์เดี่ยว และเป็นรถรุ่นบุกเบิกของ Mercedes-Benz “D”
ที่ได้นำเครื่องยนต์ดีเซลมาใช้กับรถรุ่นนี้ ถึงแม้ว่าจะมีการเย้ยหยันในแวดวงยานยนต์อย่างมากก็ตาม แต่ด้วยเครื่องยนต์ในรุ่นแรกที่มีขนาดเล็กกว่าและประหยัดน้ำมันกว่า สิ่งนี้จึงทำให้กลายเป็นรถที่ได้รับความนิยมในหมู่คนขับรถแท็กซี่ ทำให้การผลิต 190Dc นั้นเกินกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 190c เกือบ 100,000 คัน เลยทีเดียว
ส่วนในรุ่นที่สองเครื่องยนต์ 200 (มีเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร M121 เบนซิน) , 200D (เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร OM621 ดีเซล) และ 230 (เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร M180 เบนซิน) และด้วยเครื่องยนต์ 200 เมื่อเทียบกับ 190c จะมีขนาดลูกสูบเพิ่มขึ้นจาก 85 เป็น 87 mm. ทำให้มีปริมาตรกระบอกสูบเป็น 1988 cc. และติดตั้งคาร์บูเรเตอร์แบบคู่
อีกทั้งยังมีเครื่องยนต์รุ่น 190 Dc และ 200 D ซึ่งจะใช้เครื่องยนต์ดีเซลเหมือนกันทุกประการ เพียงแต่มีการปรับปรุงโดยใช้เพลาข้อเหวี่ยงลูกปืนหลักห้าตัวแทนสามตัวในรุ่นแรกนั่นเอง และมีไฟแสดงด้านหน้าย้ายจากด้านบนของบังโคลนหน้าไปด้านล่างไฟหน้า ที่ด้านหลัง ไฟท้ายถูกปรับให้เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส
โมเดลในปี ค.ศ. 1968 เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้รับการติดตั้งคอพวงมาลัยแบบพับได้เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับด้านความปลอดภัยของอเมริกา กระจก มือจับประตูภายใน และสวิตช์เกียร์ที่แผงหน้าปัดก็ถูกเปลี่ยนทั้งหมดเช่นกัน