Honda Civic 2021 รูปโฉมใหม่และการขับเคลื่อนที่ดีกว่า
Honda Civic 2021 ใหม่ที่ปรับปรุงให้สมรรถนะเร่งเครื่องได้เร็วแรงมากขึ้น การออกตัวและการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากขึ้นจากเดิม
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมาทาง YouTube ของ Honda Thailand ได้มีการถ่ายทอดสดเพื่อเปิดตัวสำหรับ All-New Civic ที่ตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น โดยได้นำเสนอแนวคิดของนักพัฒนาฮอนด้าเกี่ยวกับการพัฒนาให้ก้าวล้ำในตลาดรถในกลุ่มเซกเมนต์เดียวกัน
ซึ่งใช้แนวคิด Exhilarating ที่เน้นผู้ขับเป็นศูนย์กลาง เพื่อประสบการณ์ที่ดี สำหรับคราวนี้จะเน้นพื้นที่ภายในที่โปร่งมากขึ้นส่งผลให้มีทัศนวิสัยที่ดีให้การขับขี่
สำหรับสมรรถนะในการขับขี่จะเน้นความทรงพลังแต่ว่าปลอดภัย ด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ซึ่งการพัฒนาครั้งใหม่ออกแบบให้ก้านสูบและลูกสูบแข็งแรงมากยิ่งขึ้น แรงม้าทรงพลัง 178 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตร ระบบเกียร์เป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ในเปิดตัวทาง
ฮอนด้าเน้นเรื่องการประหยัดน้ำมันสำหรับ ประหยัดได้ถึง 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร และสิ่งที่เพิ่มเติมสำคัญคือการเลือกโหมดการขับขี่แบบประหยัด แบบปกติ และแบบสปอร์ตที่ให้ความรู้สึกในการขับอย่างสนุกสนาน รวดเร็ว ให้ผู้ขับขี่เลือกได้ตรงความต้องการและส่งผลให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
เทคโนโลยีที่เพิ่มเข้ามาของ เรียกว่า Safety Technology ที่มีกล้องมุมกว้างด้านหน้ารถยนต์เพื่อการตรวจจับรถยนต์และผู้คนบนท้องถนนได้ อาทิเช่นระบบเตือนการชนรถยนต์และระบบช่วยในการเบรก หากใกล้กับรถยนต์ด้านหน้ามากเกินไป เพิ่มเติมใหม่ให้จับได้ทุกชนิดแล้ว ระบบควบคุมการออกนอกเส้นทางรถ ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันหรือการจำกัดความเร็วคงที่ ซึ่งจะปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าจากระบบการตรวจจับรถยนต์ ระบบการปรับไฟสูงอัตโนมัติเมื่อมีรถสวน และอีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ที่มากับ คือการแจ้งเตือนเมื่อรถยนต์คันหน้ามีการเคลื่อนที่หลังจากการจอกเป็นเวลานาน ซึ่งใช้การแจ้งเตือนผ่านจอแสดงผลด้านหน้าและมีเสียงเตือน
ทั้งหมดถือเป็นการพัฒนาที่เรียกได้ตามตอบโจทย์การใช้งานและเลือกใช้เทคโนโลยีได้คุ้มค่ามีประโยชน์สูงสุดสมกับการเป็นการผู้พัฒนาอย่างฮอนด้า เพื่อเปิดประสบการณ์ด้านการขับขี่ให้กับผู้ใช้งานได้อย่างดียิ่งขึ้น เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานมากมาย มาพร้อมกับการพัฒนารูปลักษณ์ที่เป็น DNA ของ CIVIC ให้มีความสปอร์ตมากขึ้นในเจเนอเรชั่นนี้ ทั้งภายนอกและภายใน และมีการออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อห้องโยสารที่กว้างขึ้น และสิ่งสำคัญคือไฟหน้า ไฟท้าย และไฟตัดหมอกที่เป็นแบบ LED สว่างไสวเหมาะแก่การใช้งาน และรองรับระบบการใช้งานชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายที่ตอบโจทย์ความทันสมัยมากขึ้นอีกด้วย ทั้งหมดนี้เปิดตัวในราคาของรุ่นเริ่มต้นที่ 964,000 บาทและรุ่นท็อปที่ราคา 1,199,900 บาท