Land Rover Defender 110 รถออฟโรดที่สุดนุ่มนวล
รุ่นแรกมีมาตั้งแต่ปี 1990 แต่เป็นการพัฒนามาจาก Land Rover รุ่นเปิดตัวในปี 1948 ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่จะแทนที่รถออฟโรดที่โด่งดังที่สุดในยุคนั้น และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ Land Rover ใช้เวลานานมาก ในการสร้างรถออฟโรดที่สมบุกสมบันเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือความสะดวกสบายและความซับซ้อนทางวิศวกรรม ทั้งบนถนนและทางวิบาก
และนั่นคือสาเหตุที่ปัจจุบันเป็นรถออฟโรดที่นุ่มนวล มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าสลับซับซ้อน และมีราคาแพงขึ้นกว่าคู่แข่งในรุ่นรถเอสยูวีที่ได้รับการคัดสรรด้วยกัน เป็นรถห้าที่นั่งที่กว้างขวางและสามารถเลือกติดตั้งเบาะแถวที่สามด้านหลังเพิ่มเพื่อทำให้เป็นเจ็ดที่นั่งได้ นอกเหนือจากนั้นยังสามารถเลือกออฟชั่นเพิ่มเติมวางระหว่างเบาะของผู้โดยสารตอนหน้าและคนขับเป็นของกล่องเก็บของแบบยกเปิดขึ้นเพื่อสร้างที่นั่งสำหรับคนที่แปดได้
นั่นทำให้ Defender 110 สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายมากกว่ารถในระดับเดียวกัน ภายใน Defender มีจอ LCD สำหรับวัด ระบบอินโฟเทนเมนต์ล้ำสมัยขนานนามว่า PiviPro และเชื่อมเข้ากับระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรถเพื่อให้การขับขี่ทั้งบนถนนและทางวิบากเป็นเรื่องง่าย ทั้งยังสามารถฉีดน้ำลงไปในห้องโดยสารได้หากมีเศษดินโคลนบนพื้นจากการที่ลุยผจญภัยมาทั้งวัน
เครื่องยนต์ของ Defender มีให้เลือก 2 แบบคือเครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียงพ่วงด้วยเทอร์โบชาร์จ พร้อมปลั๊กอินไฮบริด ทำให้ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างคุ้มค่า และ เครื่องยนต์ V8 อันทรงพลังซึ่งมีประสิทธิภาพสูงบนท้องถนน ความสะดวกสบายและคล่องตัวอย่างน่าประหลาดใจสำหรับรถยนต์ตัวถังขนาดนี้ มีการบังคับเลี้ยวและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าอัศจรรย์ เครื่องยนต์มีคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยม ให้ความรู้สึกที่ไม่ต้องออกแรงเค้นกำลัง แรงบิดที่มาให้ใช้ตั้งแต่ 1,000 รอบต่อนาที พร้อมกำลังสำรองมากมายเพื่อเร่งความเร็วอย่างมีความสุข และเมื่อคุณกดคันเร่งหนักขึ้นอีกหน่อย ชุดเกียร์ 8 สปีดจะทำหน้าที่จัดการส่วนที่เหลือเอง อย่างที่คาดหวัง Defender ก็เป็นรถออฟโรดที่มีความสามารถมากที่สุดของ Land Rover เช่นกัน ความสูงใต้ท้องรถมากกว่ารุ่นอื่นๆ ในกลุ่มถึง 20 มม.
เป็นรถที่มีความคล่องตัวในทางวิบากมาก สามารถลัดเลาะทางลาดชันได้อย่างง่ายดาย ระยะยุบตัวสูงสุดถึง 500 มม. ช่วยให้ Defender สามารถรักษาล้อทั้งสี่ไว้บนพื้นได้ในทุกสถานการณ์ ยกเว้นในสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุด ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมคอยล์สปริงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ยังมีระบบสปริงถุงลมแบบปรับระดับได้เป็นตัวเลือกเสริม ทำให้ประสบการณ์การใช้งานบนถนนและทางวิบากมีความหลากหลายยิ่งขึ้น สปริงถุงลมไม่เพียงแต่สามารถยก Defender ขึ้น 70 มม. เมื่อวิ่งอยู่ในภูมิประเทศที่ยากลำบากเท่านั้น แต่ยังสามารถลดระดับลงได้ 50 มม. เพื่อให้ผู้โดยสารเข้าและออกจากรถได้สะดวกขึ้น
คุณสมบัติอื่นๆ ที่คุ้นเคย เช่น All-Terrain Progress Control – ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ off-road ที่มีการล็อคความเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ และ ClearSight Ground View เพื่อแสดงภาพบนหน้าจอของสิ่งที่เกิดขึ้นใต้รถ รวมกับความสามารถในการลุยผ่านน้ำสูงถึง 900 มม. ด้วยกัน ส่วนการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารนั้นดีเยี่ยมในการเดินทางปกติ แต่เมื่อคุณต้องการเร่งความเร็ว จะได้ยินเสียงกระหึ่มอันน่าพอใจของเครื่องยนต์หกสูบใต้ฝากระโปรงหน้าที่ทำงานอย่างขมีขมันดังแว่วเข้ามา
สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือการผสมผสานระหว่างความสามารถแบบออฟโรดและเบาแรงบนถนนในแพ็คเกจเดียว ในอดีต ลักษณะทั้งสองนี้จะไม่เกิดร่วมกัน แต่สามารถทำคะแนนสูงในทั้งสองสาขาได้ และราคาเปิดตัวนั้นอยู่ที่ 5,800,000 บาท ด้วยกัน