Land Rover Discovery Sport 3.0 HSE
ทาง Land Rover ไทยแลนด์ นำรถ Discovery มาจำหน่าย 2 รุ่นด้วยกัน รุ่นแรกคือรุ่น SE โดยราคาอยู่ที่ 6,490,000 บาท และรุ่น HSE ซึ่งเป็นตัว Top ของรุ่น ราคาจะอยู่ที่ 6,990,000 บาท ซึ่งราคาจะแพงกว่าตัวรองอยู่ห้าแสนกว่าบาทด้วยกัน
รุ่นนี้ทำออกมาเป็นรถแบบ SUV มีขนาด 3 ตอน และนั่งได้ 7 ที่นั่ง เรียกได้ว่าไปกันได้ทั้งครอบครัวเลยทีเดียว ซึ่งแถวที่ 3 สามารถนั่งได้จริงและสะดวกสบายไม่แออัด และแน่นอนว่ารถ Discovery รุ่นนี้เป็นเครื่องยนต์ดีเซล ที่ทนทาน ไม่จุกจิก 3000 cc เทอร์โบ 258 hp. แรงบิดที่ให้มาถึง 600 nm. (ที่ 1250 รอบ/นาที) ด้วยกัน เรียกได้ว่าแรงต้น
ที่ไม่ว่าจะขึ้นเขาหรือลงเขาทำได้อย่างดีมากๆ กันเลยทีเดียว มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีด มีกระจังหน้ารังผึ้งสีดำพร้อมโลโก้สีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่า 50 ปี ติดอยู่ ไล่มาที่ด้านข้างของรถจะเห็นล้อแม็กเป็นลายดับเบิ้ล Spoke ขนาด 20”
และยังมีบันไดช่วยทำให้การขึ้นลงสะดวกยิ่งขึ้น และรถรุ่นนี้มีการเคลมว่าสามารถลุยน้ำได้สูงถึง 90 cm อีกด้วย เทียบได้ประมาณสูงเกือบท่วมล้อรถเลยทีเดียว ต้องบอกเลยว่าดีไซน์ของรุ่นใหม่ๆ ออกแบบมาโดดเด่นสวยงามกว่ารุ่นก่อนมากๆ มีไฟท้ายเป็นแบบ LED
ยาวตั้งแต่ซุ้มด้านหลังจนถึงฝากระโปรงด้านหลังนั่นเอง และจุดเด่นของรถ Discovery อีกอย่างก็คือ เมื่อกดปุ่มเปิดท้ายจะเป็นระบบไฟฟ้า พอเปิดประตูท้ายมาจะเจอกับที่กั้นสัมภาระด้านหลังนั่นเอง ซึ่งตัวนี้ยังปรับลงมาได้ด้วยระบบไฟฟ้า โดยเราสามารถขึ้นไปนั่งได้เลย สำหรับเวลาไปปิกนิกหรือออกต่างจังหวัด โดยรับน้ำหนักได้ถึง 200 กก. ด้วยกัน
และมีปุ่มฟังก์ชั่นที่ใช้ระบบไฟฟ้าเป็นตัวควบคุมในการปรับระดับช่วงล่างของรถให้ขึ้นลง เพื่อทำให้การยกของขึ้นลงรถเป็นไปอย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยอยู่ที่เราจะเลือกปรับขึ้นลงเท่าไหร่ มาดูวัสดุตกแต่งภายในของ Discovery กันบ้างว่าจะเป็นอย่างไร โดยต้องบอกก่อนเลยว่าหรูหราสมราคาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเหมาะหนังแท้ทั้งหมด โดยเบาะคู่หน้าสามารถปรับระดับสูงต่ำด้วยระบบไฟฟ้าได้อีกด้วย และยังมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ พวงมาลัยเป็นทรงกลมจับถนัดมือมาพร้อมระบบแพนเดอร์ชิพ
และที่สำคัญมีหน้าจอแบบ Touch Screen 10” และยังสามารถเชื่อมต่อกับกับ Apple หรือ Android Auto ได้อีกด้วย ยังมีระบบแอร์ที่สามารถปรับอุณหภูมิและทิศทางซ้ายขวา จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Land Rover ทุกรุ่น ก็คือ เกียร์นั่นเอง เมื่อเวลาเรากดปุ่มสตาร์ทปุ๊ป ตัวเกียร์ก็จะโผ่ล่ขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เราสามารถควบคุมเกียร์ด้วยวิธีการหมุนเพื่อง่ายต่อการใช้งาน และเมื่อเวลาเราดับเครื่องตัวเกียร์ก็จะยุบลงไปเสมอเรียบไปกับตัวคอนโซลนั่นเอง
มาพร้อมกับเครื่องเสียงที่ใสและกังวานมากๆ และมีระบบฟังก์ชั่นการขับขี่ที่ใช้งานอย่างง่ายๆ เพราะเป็นระบบหมุนซึ่งมี 4 โหมดด้วยกัน มีโหมดช่วยในการลงเขา หรือโหมดช่วยลงในที่ลาดชันมากๆ และมีหลังคาแก้วแบบ Moon Roof ที่ยาวตั้งแต่เบาะหน้าคุมไปจนถึงเบาะหลัง