Lexus ES ทำยอดขายได้มากกว่า BMW 5-Series และ Mercedes-Benz E-Class
ปกติแล้ว รถยนต์แบรนด์ที่สามารถทำยอดขายได้สูงสุดทั่วโลก ถ้าหากไม่ใช่ Mercedes ก็ต้องเป็น BMW เพราะ 2 แบรนด์นี้เป็นรถยนต์ที่ผู้คนส่วนใหญ่เลือกใช้ เนื่องจากมีความปลอดภัย และผู้คนให้ความนิยมมาก แต่ใครจะไปเชื่อว่าวันหนึ่ง เกมการขายรถที่เคยเป็นมา กลับไม่เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อรถซีดานขนาดกลาง Lexus ES กลับกลายเป็นรถยนต์ม้ามืดที่มาแรง ทำยอดขายในสหรัฐอเมริกาแซงหน้า BMW 5-Series และ Mercedes-Benz E-Class ซึ่งเป็นรถยนต์ชั้นนำของประเทศเยอรมนี ที่มีชื่อเสียงเรื่องรถเบอร์ต้นๆ ของโลก
โดยยอดขายรถซีดานพรีเมียม ES ในปีที่ผ่านมานั้น ทำสถิติเอาไว้ที่ 51,336 คัน มากกว่าอันดับ 2 อย่าง BMW 5-Series ซึ่งมียอดขาย 38,707 คันและอันดับ 3 Mercedes-Benz E-Class ทำได้ 25,180 คัน ส่วน Audi A69 ตามมาห่าง ๆ ด้วยยอดขาย 17,799 คัน ซึ่ง Lexus ทำสัดส่วนยอดขายเกือบ 40% ของยอดขายทั้งหมดทั่วโลกได้สำเร็จ เพราะประชาชนในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเทหัวใจให้กับ Lexus โดยมีความเชื่อว่าขับแล้วดูดี และสามารถขับขี่ได้ปลอดภัย ส่วนตลาดรองของแบรนด์ Lexus นั้น อยู่ที่ประเทศจีน ซึ่งมีสัดส่วนของยอดขายทั้งหมดอยู่ที่ 25%
จะให้บอกว่าเป็นแค่เรื่องรูปลักษณ์ หรือค่านิยมแต่เพียงอย่างเดียวก็คงไม่ถูกนัก เพราะ Lexus ES รุ่นล่าสุด ก็มีสมรรถนะที่ดีเยี่ยมคุ้มค่าเงินจริงๆ เพราะได้ผ่านการพัฒนาบนแพลตฟอร์ม TNGA-K (Global Architecture-K Platform) แบบเดียวกับ Toyota Camry ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้ Lexus ES สามารถเติมเต็มช่องว่างในส่วนแบ่งการตลาดรถซีดานขนาดกลางได้ดีกว่า
ดูเหมือนว่า Lexus จะวางกลยุทธ์ได้อย่างถูกต้องเพราะเล็งเห็นว่าลูกค้าไม่ได้ต้องการรถขนาดกลางขับเคลื่อนล้อหลังเสมอไป แต่มุ่งนำเสนอการตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ประณีตและการบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ แบบนี้ถือว่ามุมมองของผู้ซื้อรถรุ่นใหม่นั้นเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร หากค่ายรถไม่ปรับตัว ต่อไปยอดขายน่าจะทิ้งห่างกันมากกว่านี้แน่นอน
# Lexus ES ทำยอดขายได้มากกว่า BMW 5-Series และ Mercedes-Benz E-Class เสียอีก #ข่าวสารวงการ Motor Sport