Subaru WRX ส่อง รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ 2022 ซีดานขุมพลัง 271 แรงม้า
สิ้นสุดการรอคอยกันสักที สำหรับ Subaru WRX (2022) ที่มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ชนิดที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนใหม่หมดทั้งคัน ไล่ตั้งแต่โครงสร้างตัวถัง, ระบบเครื่องยนต์ใหม่, ระบบช่วงล่าง รวมถึงดีไซน์ที่ปรับโฉมให้ดูติ๋ม ๆ เหมือนรถซีดานทั่วไป แต่ยังคงความหรูหราและความทันสมัยด้านเทคโนโลยีการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Subaru โดยจะเริ่มทำตลาดในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปี 2022 นี้
สำหรับ Subaru WRX (2022) ได้รับการออกแบบใหม่ให้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าหลายด้าน โดยเฉพาะด้านงานดีไซน์ที่ต้องบอกว่ากลายเป็นรถซีดานบ้าน ๆ ที่ยกระดับความหรูหรา แต่ลดความสปอร์ตลงไปพอสมควร ใช้แนวทางการออกแบบ “Bold Design” ที่โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Full LED
ที่ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวมากขึ้น พร้อมช่องดักอากาศบนฝากระโปรงหน้า กาบข้างด้านหน้าทำจากวัสดุอะลูมิเนียม ช่วยลดน้ำหนักรถได้ถึง 2.3 กิโลกรัม ส่วนด้านท้ายรถออกแบบให้มีสปอยเลอร์ท้าย พร้อมออกแบบให้มี Under Penel บริเวณใต้ท้องรถช่วยรีดอากาศให้วิ่งผ่านใต้ท้องสะดวกขึ้นตามหลัก Aerodynamic
ในส่วนของห้องโดยสารถูกออกแบบโดยเน้นความเรียบหรู คุมโดนสีดำ ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแกรง แต่น้ำหนักเบา ติดตั้งเบาที่นั่ง Recaro แบบสปอร์ตพร้อมปักลายตัวอักษร WRX สามารถปรับได้ 8 ทิศทาง และที่ขาดไม่ได้สำหรับ รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ก็คือ หน้าจอแสดงผลอเนกประสงค์ระบบสัมผัสขนาด 11.6 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลางที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อใช้งานแอปพลิเคชั่น รวมถึงรับชมความบันเทิงต่าง ๆ พร้อมติดตั้งระบบเสียงระดับพรีเมียมอย่าง Harman Kardon ที่มีลำโพงถึง 11 ตำแหน่ง ให้เสียงคมชัดรอบทิศทาง
ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ Boxer ขนาด 2.4 ลิตร เทอร์โบ 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 271 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ใช้เวสเกตควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ 6 สปีด หรือจับคู่กับระบบเกียร์ Auto CVT ของ Subaru แบบ 8 สปีด ซึ่งทาง Subaru เคลมว่า สามารถตอบสนองเร็วกว่าเดิมถึง 30% เลยทีเดียว รวมถึงติดตั้งแดมเปอร์แบบปรับได้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 3 โหมด ได้แก่ Comfort, Normal และ Sport
แน่นอนว่ายังคงใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออย่าง “Subaru Symmetrical All-Wheel Drive” แต่มีการเพิ่มระบบ Active Torque Vectoring และระบบ Adaptive Shift Control ที่สามารถปรับการตอบสนองแบบ REV Matching โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยปรับอัตราทดที่เหมาะสมในการเข้าโค้งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้จะเริ่มออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี 2022 โดยคาดว่าจะมีราคาประมาณ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 980,000 บาท