Toyota Corolla Cross 2022
Toyata ถือเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและมีการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดโลกมาอย่างยาวนาน และยังถือเป็นอีกแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทีเดียวเชียวล่ะค่ะ ทั้งด้วยราคาที่เข้าถึงกลุ่มคนได้จำนวน มาก สมรรถนะที่ดี รวมไปถึงดีไซน์ที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้นั้น
ถึงแม้ว่าทาง Toyota จะผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาหลายรุ่นด้วยกัน แต่ก็คงต้องบอกว่าหนึ่งในรุ่นที่ผู้คนชื่นชอบและพูดถึงกันอย่างกว้างขวางนั้นก็คือ Toyota Corolla Cross นั่นเองค่ะ ทั้งดีไซน์ที่สวยงามและโดดเด่นรวมไปถึงราคาที่ไม่แพงจนเกินไป จึงทำให้รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้คนจำนวนมาก
โดยล่าสุดทางบริษัทได้เตรียมการเปิดตัวใหม่ ที่จะทำการเปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่สหรัฐอเมริกา สำหรับรถยนต์ยี่ห้อ Toyota รุ่น Corolla Cross ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
ก็เรียกได้ว่า เตรียมทำการเปิดตัวแล้วนะคะเบนซิน 2.0 ลิตร Dynamic Force โดยทางบริษัทได้ทำรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อออกมา เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้ขับขี่อีกด้วยค่ะ สำหรับรุ่นที่ที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกานั้น มีรูปโฉมไม่ต่างจากรุ่นที่จัดจำหน่ายในประเทศไทยเลยค่ะ
แต่อาจจะมีข้อแตกต่างกันในบางส่วน เช่น การใช้เครื่องยนต์แบบเบนซิน 4 สูบ Dynamic Force Dual VVT-i แทนเครื่องยนต์แบบไฮบริด ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์ได้สูงสุดถึง 169 แรงม้าเลยทีเดียวล่ะค่ะ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกระบบขับเคลื่อนได้ทั้งแบบล้อหน้า หรือการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อค่ะ
โดยรุ่นที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกานั้น มีให้ได้เลือกกันถึง 3 รุ่นเลยล่ะค่ะ ได้แก่ รุ่น L รุ่น LE และรุ่น XLE ค่ะโดยที่ในทุกรุ่นจะติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟท้ายแบบ LED หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถรองรับได้ทั้งระบบ Apple CarPlay, Android Auto และ Amazon Alexa เป็นต้นค่ะ
ซึ่งก็ถือเป็นระบบมาตรฐานที่ติดตั้งให้กับทุกรุ่น ซึ่งพอขึ้นมาเป็นรุ่น LE ก็จะมีข้อแตกต่างกันเล็กน้อยค่ะ อย่างเช่น มีการเพิ่มขนาดหน้าจอเครื่องเสียงจาก 7 นิ้วเป็น 8 นิ้ว และยังมีออฟชั่นเสริมอย่างระบบชาร์จไฟไร้สายติดมาให้กับรถด้วย ระบบเตือนมุมอับสายตา BSM เป็นต้น หรือหากสนใจจะเพิ่มออฟชั่นเสริมอย่างเครื่องเสียง JBL 9 ลำโพง หรือหลังคามูนรูฟก็ได้เช่นกันค่ะ
มาต่อกันที่รุ่นใหญ่อย่าง XLE ซึ่งถือเป็นตัวท็อปค่ะ ที่นอกจากจะเพิ่มความพิเศษให้กับดีไซน์โดยการนำวัสดุ SofTex มาใช้ในการหุ้มเบาะแล้วนั้น ก็ยังมาพร้อมกับระบบปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางฝั่งผู้ขับขี่ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่สามรถควบคุมได้แบบแยกอุณหภูมิฝั่งซ้ายและขวา เซ็นเซอร์หน้า-หลัง พร้อมเสริมทัพความปลอดภัยด้วยระบบ Automatic Braking และอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังสามารถเลือกออฟชั่นเพิ่มเป็นประตูท้ายไฟฟ้าได้อีกด้วยล่ะค่ะ
นอกจากนี้ทั้ง 3 รุ่น ยังได้รับการติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง Toyota Safety Sense 2.0 อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันการชนด้านหน้า เครื่องตรวจจับจักรยาน (PCS with PD) ระบบเตือนรถออกนอกเลนและช่วยบังคับพวงมาลัย (LDA with Steering Assist) เป็นต้น
โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 22,195 – 27,625 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว ๆ 730,000 – 900,000 บาทค่ะ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะออกรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ มากี่รุ่นก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยทีเดียวเชียวล่ะค่ะ